Monday, March 21

ขอเชิญฟังมินิ-สัมมนาฟรี “คบบัณฑิต” กับบัณฑิต อึ้งรังษี

วันเสาร์ที่ 2 เมษายน 2554


ผมขอเชิญคนที่รักการพัฒนาตนเอง(เหมือนผม)ทุกคน มาฟังและชมกันครับ

ปีละครั้ง ผมอยากพบปะพูดคุยกับเพื่อนๆ แฟนๆ หรือบุคคลทั่วไปที่รักการพัฒนาตนเองอย่างเป็นกันเอง ตอบคำถาม แจกลายเซ็นหนังสือและซีดี ถ่ายรูปด้วยกัน นำเสนอไอเดียและวีดีโอ พูดแบ่งปันให้ฟังในเรื่องที่ผมสนุก รัก และอยากแบ่งปันกับแฟนๆชาวไทย โดยหวังว่าจะเป็นประโยขน์

เป็นเนื้อหาบางอย่างที่ผมเคยนำเสนอใน Inspirational show ในหลายหัวข้อให้กับองค์กรต่างๆในสี่ห้าปีที่ผ่านมา แบ่งปันให้แฟนๆฟังแบบฟรีๆ (เฉพาะแก่นๆ)

ไม่หวง ถ้าใครอยากนำวีดีโอหรือเทปมาอัดเสียงหรือภาพเพื่อเผยแพร่ ได้เต็มที่
จะมีคุยถึงหนังสือเล่มใหม่ “สำเร็จก่อนใคร” ด้วย (ถือโอกาสเป็นการเปิดตัวแบบเล็กๆด้วยเลย)

แฟนๆคนไหน อ่านแล้วมีคำถามจากหนังสือเล่มไหนทั้ง 7 เล่มของผมก็ตาม มาถามกันได้ครับ จะได้ตอบให้ทุกคนฟังด้วย

อยากให้เป็นบรรยากาศแบบสนุกๆ เหมือนครอบครัวคุยกันที่บ้าน
เป็น Free Preview ของ Inspirational Show ที่ผมอยากทำในอนาคต
เน้นไปที่ความรู้ แต่อยากให้ได้ความบันเทิงด้วย (จะได้จำได้ง่ายขึ้น)
ใครไปงานหนังสือวันนั้น ก็ขอเชิญครับ

หัวข้อที่ผมจะพูดคร่าวๆ

**ทำอย่างไร ประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้นและง่ายขึ้น
**“ขี้เกียจ” อย่างไร ให้ถูกวิธี (พยายามหาวิธีที่ง่ายที่สุด ในการบรรลุเป้าหมายได้เร็วที่สุด –ผมทำประจำ)
**ใช้พลังทวีคูณ (LEVERAGE) อย่างไร
**ทำอย่างไร จะหางานหรือสร้างงานที่ตนรัก
**จะรู้ได้อย่างไร ตนมีจุดแข็งอะไร
**ทำอย่างไร พัฒนาการเป็นผู้นำ
**ตัวอย่าง Dream List
**ทำไมคู่ครองจึงเป็นส่วนสำคัญของความสำเร็จในชีวิต
**จะหาคู่ครองที่ถูกต้องได้อย่างไร
**ทำอย่างไร ใช้ดนตรีเป็นส่วนช่วยให้ความสุข และแรงบันดาลใจ
**ฯลฯ (แล้วแต่การสนทนาจะพาไป)

>>มีภาพและวีดีโอประกอบเยอะแยะ ไม่น่าเบื่อ
>>บอกก่อนล่วงหน้า งานนี้จะไม่เป็นทางการมากเหมือนการถูกเชิญไปบรรยายตามบริษัทใหญ่ๆ หรือตอนออกทีวี
>>การแต่งตัว ผมจะขอแต่งแบบสบายๆ แบบมาเจอเพื่อนๆครับ [ขาสั้น แต่ยังหล่อ ;)]


วันเสาร์ที่ 2 เมษายน 2554 เวลา 15.00-16.00 น.
สถานที่ เวทีกิจกรรม Hall A ศูนย์สิริกิติ์ (งานสัปดาห์หนังสือ)
เซ็นหนังสือ & ถ่ายรูป 16.00-17.30 น. (ที่บู้ธซีเอ็ด, V08 โซนพลาซ่า)
ค่าบัตร ฟรี (ขอให้ตรงเวลา)

Sunday, March 6

ดังหรือไม่ดัง

ผมกับประสบการณ์ใหม่ที่งาน Seed Award

ในฐานะนักดนตรีคลาสสิก น้อยครั้งที่จะมีใครคิดถึงเราว่า "cool" หรือ “เท่ห์”

จริงๆแล้ว คนบางกลุ่มเขา“ไม่คิดถึง”เราเลยด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเท่ห์หรือไม่เท่ห์ พูดง่ายๆ ไม่ให้ความสนใจเลย (ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่)

เป็นเพราะดนตรีฟังกันในวงแคบ นักดนตรีคลาสสิกซ้อมเยอะแต่คนดูน้อย ไม่ค่อยเป็นที่พูดถึงในวงกว้างเท่าไรนัก ยกเว้นจะดังสุดขีดในเวทีโลกจนกลายเป็น Pop Idol อย่าง โยโยมา หรือ Lang Lang (คุณกำลังคิด “ใครอ่ะ”...เห็นมั๊ย ขนาดสุดยอดขนาดนี้คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่รู้จักเลย)

“คนบางกลุ่ม” ที่ไม่คิดถึงนักดนตรีคลาสสิกแน่ๆ ก็คือ กลุ่มวัยรุ่นที่กรี๊ดกร๊าดดาราดังๆ หรือนักร้องเกาหลี

คำว่า cool หรือ เท่ห์ ส่วนใหญ่จะถูกเก็บไว้ใช้กับดาราหล่อๆสวยๆ ดังๆ หรือ Rock stars

ผมรู้สึกว่า ตน “cool” ขึ้นมาอีกนิด ก็ตอนถูกเชิญไปประกาศรางวัลให้กับ SEED AWARD ครั้งที่ 6 ไม่กี่วันที่ผ่านมา (3 มีนาคม 2554)

ผู้จัดให้เกียรติผมประกาศรางวัลสองรางวัลสุดท้าย

ผู้ประกาศรางวัลท่านอื่นที่ขึ้นประกาศก่อนหน้าผม พูดชื่อก็ต้องร้อง อ๋อ ในสังคมไทย เช่น คุณมาช่า คุณทาทายัง

ที่ได้พูดคุยเป็นการส่วนตัวคือคุณโดม ปกรณ์ ลัม

ประทับใจในตัวเขามากกับความสุภาพและให้เกียรติ เจอหน้าก็เดินเข้ามาทักทายสวัสดีผมเลย

(บอกตรงๆว่าผมเชยขนาดก่อนหน้านั้นยังไม่รู้จักเขาเลย ขนาดเขาตามผมใน twitter อยู่ด้วย )

แถมยังบอกอีกว่า เป็นแฟนหนังสือผม เล่มที่เขาอ่านคือ “กฎแห่งความโชคดี”



ผมยืนอยู่หลังเวที พอดีประกาศเป็นคนสุดท้าย ก็ได้สังเกตกลุ่มวัยรุ่นที่เป็นคนดู (คงอายุไม่เกิน 22 เป็นส่วนใหญ่) กรี๊ดเสียงดัง

พอพูดชื่อ ทาทายัง ...กรี๊ดดดดด

มาช่า...กรี๊ดดดดด

โดม ปกรณ์ ลัม ...กรี๊ดดดดด

พอถึงคิวผม ผู้ประกาศก็เกริ่นนำซะดี “ต่อไปนี้ท่านจะได้พบกับ วาทยกรไทยคนแรกที่...... บัณฑิต อึ้งรังษี”

ผมได้ยินเสียงความคิดของคนดู ดังจนน่าใจหาย...“ใครอ่ะ”

ตามมาด้วยเสียงปรบมืออย่างสุภาพ

(คิดเข้าข้างตนเองว่า จากบนเวทีคงได้ยินเสียงคนกรี๊ดไม่ค่อยชัด)

พอขึ้นเวที ผมเกริ่นนำว่า

“วันนี้เป็นประสบการณ์ใหม่ของผม เพราะปกติเวลาขึ้นเวทีแสดงคอนเสิร์ต ทั้งผู้ฟังและนักดนตรีลูกวงผม 60-70 คนบนเวที ส่วนใหญ่แล้วอายุเกิน 50 ปี (ในอเมริกาและยุโรป) ไม่ค่อยได้สัมผัสกับคนฟังหนุ่มๆสาวๆ”

เป็นความฝันของนักดนตรีคลาสสิกทุกคน ที่จะเข้าถึงหัวใจของคนรุ่นใหม่ได้

มันเกิดขึ้นในจีน เกาหลี ญี่ปุ่น แต่เมืองไทยยังน้อย

สำหรับผม ดนตรีแนวที่ผมเล่น เข้าถึงใจคนไทยไม่ได้ แต่หนังสือที่ผมเขียนทำได้ก็ยังดี

มันเป็น “โชคดี”ของผมอย่างหนึ่งที่ 5-6 ปีที่ผ่านมา ได้มีโอกาสถ่ายทอดความคิดในรูปของหนังสือให้กับคนไทยรุ่นใหม่

เท่าที่ทราบ ไม่มีนักดนตรีคลาสสิกคนไหนในโลกที่เผยแพร่หนังสือได้เกือบ 500,000 เล่ม

ปกติซีดีของนักดนตรีคลาสสิกแม้ดังๆแบบอินเตอร์ ขายได้ 3000 แผ่นทั่วโลกก็ดีใจแล้ว

ไม่ต้องคิดเรื่องเขียนหนังสือเลย เจ๊งแน่ เพราะคนทั่วไปไม่รู้จัก มีแค่คนในวงการเท่านั้นที่เคยได้ยินชื่อ

การได้เข้าถึงหัวใจคนชาติเดียวกันนั้น เป็นอะไรที่ผมใฝ่ฝันในตลอดช่วงเวลายี่สิบปีที่ทำมาหากินเมืองนอก

นึกไม่ถึงว่า มันจะไม่ได้เป็นในรูปแบบของดนตรีที่เราฝึกฝนมาครึ่งชีวิต แต่กลับเป็นไปในรูปของหนังสือ !